วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)

(Research and Knowledge Formation)
ชื่อ นางสาวรุจิรา  สกุล เศรษฐกุล  เลขที่ 39  ห้อง 5/9
กลุ่มที่ 1
ปัญหาที่นักเรียนศึกษา ปัญหารักในวัยเรียน
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ความรักเป็นความรู้สึก สภาพและเจตคติต่างๆ ซึ่งมีตั้งแต่ความชอบระหว่างบุคคล ไปถึงความพึงพอใจอาจหมายถึงอารมณ์ดึงดูดและความผูกพัน (attachment) ส่วนบุคคลอย่างแรงกล้า ในบริบททางปรัชญา ความรักเป็นคุณธรรม แสดงออกซึ่งความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเสน่หาทั้งหมดของมนุษย์ ความรักเป็นแก่นของหลายศาสนา อย่างเช่นในวลี "พระเจ้าเป็นความรัก" ของศาสนาคริสต์ หรืออากาเปในพระวรสารในสารบบความรักยังอาจอธิบายได้ว่เป็นพฤติกรรมต่อตนเองหรือผู้อื่นซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความเห็นอกเห็นใจ ความรักมีหลายอย่าง เช่น รักพ่อแม่ รักเพื่อน รักแฟน ความรักมีหลายรูปแบบซึ้งกลุ่มของดิฉันได้สนใจรูปแบบความรักในวัยเรียน ซึ้งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ้งในบางคนที่มีความรักในวัยเรียน อาจจะทำให้เสียการเรียน แต่บางคู่อาจจะช่วยกันเรียนทำให้ทั้งคู่มีชีวิตที่ดีขึ้น กลุ่มของดิฉันได้จัดทำโครงงานครั้งนี้ขึ้นมาเพื่อสะท้อนให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของรักในวัยเรียน และทั้งนี้เพื่อให้ทุกๆคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาปัญหารักในวัยเรียน
2.เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น
3.เพื่อศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรักที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่น

ผลการศึกษา (ให้เขียนตามวัตถุประสงค์ )
            1.ได้รู้ถึงปัญหารักในวัยเรียน
2.ได้รู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น
3.ได้รู้แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรักที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่น
เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
มีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร
            วิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับความรัก  ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างศึกษาหาความรู้  ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายและอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพ่อแม่ ครูอาจารย์  ผู้นำชุมชนต่างๆ  ที่สำคัญที่สุดที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจังคือ  ตนเอง  ดังนั้นจึงมีทั้งตัวบุคคลและวิธีการซึ่งพอสรุปเป็นสังเขปดังนี้

1.  สร้างพลังให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง
พ่อแม่จะต้องสร้างความสุข  ความอบอุ่นให้กับสมาชิกในครอบครัว  ความรักระหว่างพ่อแม่ที่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอ  การไม่ทะเลาะเบาะแว้ง  เป็นตัวอย่างที่ดีกับลูกๆ  เช้าเย็นพบหน้าให้การอบรมสั่งสอนทางด้านคุณธรรม  จริยธรรมกับลูกๆ  การร่วมรับประทานอาหารอย่างพร้อมหน้า  การร่วมกิจกรรมภายในและนอกบ้าน  พาลูกๆ  ไปทานอาหารที่ร้านอาหารตอนเย็นๆ  เป็นครั้งคราว  จะเพิ่มความสุขความเป็นกันเอง  สร้างความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่  พี่ๆ  น้องๆ  และลูกหลาน  พาครอบครัวทำบุญที่วัด  สนทนากับพระคุณเจ้าเป็นบางครั้งเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ  ยึดคำสอนของคำพระสัมมาสัม-พุทธเจ้าเป็นหลักธรรมคำสอน
หลายครอบครัวที่มีปัญหา  ส่วนมากจะเกิดขึ้นจากบ้าน  เด็กขาดความสุข  ขาดความอบอุ่นภายในบ้าน  พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูกๆ  ของตนเอง กิจกรรมสังคมสงเคราะห์บ่อยครั้ง  ทำให้ลูกขาดที่พึ่งทางใจ  ไม่มีที่ปรึกษา  ต้องหนีตัวเองไปพึ่งพาอาศัยเพื่อนฝูง  หรือคนรัก  เป็นเหตุให้ต้องไปหมกมุ่นกับสิ่งเลวร้ายทั้งปวง กลายเป็นปัญหาความรักระหว่างเรียน

2.  สร้างพลังเข้มแข็งให้กับตนเอง
ผู้เป็นลูก  ที่อยู่ในวัยนักเรียน  นักศึกษา  เป็นผู้มีความสำคัญอย่างมาก  ตนเองจะเดินทางไปสู่ความดีหรือความเลวร้ายขึ้นอยู่กับตนเองเท่านั้น  ความสำนึกในหน้าที่ของความเป็นลูกเป็นศิษย์เป็นคนดีของชุมชนและสังคม  จะขึ้นอยู่กับจิตใจของตนเองเท่านั้น  อย่าให้ใครมาบงการชีวิตของเรา  การหนีห่างจากสิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวง  การสร้างพลังให้กับตนเองเป็นคนเข้มแข็ง  หนีห่างจากสิ่งเสพติด  เลือกคบแต่เพื่อนที่ดี  เพื่อนดีคือเพื่อนที่คอยชี้แนะในทางที่เหมาะสม  การชักชวนให้เรียนหนังสือไม่ชักชวนไปในทางที่เสื่อมเสียเกียรติ  เสียคน  เสียอนาคต

3.  ครูอาจารย์ที่คอยสร้างกำแพงป้องกัน
หน้าที่ของครูอาจารย์  จะปลูกฝังให้นักเรียน  นักศึกษา  ทั้งด้านวิชาการและอบรมคุณธรรม  จริยธรรมให้กับศิษย์  ปลูกฝังความสำนึกในหน้าที่  ความซื่อสัตย์ การแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา  บุพการี  ครู  อาจารย์  ปลูกฝังความรักชาติ  ศาสนา  และองค์พระมหากษัตริย์  คอยสอดส่องติดตามพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน พฤติกรรมที่อาจจะส่อไปในทางติดยาเสพติดให้โทษทุกชนิด  เริ่มตั้งแต่การสูบบุหรี่  ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเสพยาเสพติดต่างๆ

4.  ผู้บริหารสถานศึกษา  ส่งเสริมสนับสนุน
ผู้บริหารรวมทั้งทีมงานบริหารจัดวางแผนงาน  และมอบหมายให้ครูอาจารย์ที่สอนและที่เกี่ยวข้อง  อบรมคุณธรรม  จริยธรรมเพื่อปลูกฝังให้กับลูกศิษย์เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ  อาจจะใช้เวลาประมาณ  2-3  นาที  ก่อนการสอนด้านวิชาการ  เช่น  การปลูกฝังให้ศิษย์เป็นคนมีเหตุมีผล  ถ้าเป็นวัยเด็กและหนุ่มสาว การแนะนำเรื่องความรักในระหว่างเรียนไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ  โดยเฉพาะอาจารย์สุภาพสตรี  การแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงๆ  กับนักเรียนหญิง  การดูแลร่างกาย  การรักษาประเพณีอันดีงาม  ความเป็นกุลสตรีที่สง่างามของคนไทย  หญิงไทย  ความรักที่อาจจะเกิดปัญหาในวัยเรียน  การจัดอบรมพัฒนาจิตโดยคณะวิทยากร
การติดตามประเมินผลของฝ่ายบริหาร  จะเป็นการกระตุ้นให้ครูอาจารย์ได้ทำหน้าที่ของความเป็นครูได้อย่างดี

5.  ผู้นำชุมชนให้ความสนใจลูกหลาน
ในชุมชนหมู่บ้าน  ผู้นำชุมชน  คือ  พระสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้าน  กำนัน  อ.บ.ต.  และอื่นๆ  ควรจัดประชุมและวางแผนจากคณะกรรมการของหมู่บ้าน  จัดกิจกรรมภายในชุมชน  เพื่อต่อต้านสิ่งที่เป็นอบายมุขทั้งหลายที่จะเข้ามาภายในหมู่บ้าน  อบรมสั่งสอนลูกหลานที่เป็นทั้งเด็กและเยาวชน  นักเรียนนักศึกษาให้ห่างไกลยาเสพติด ให้ประพฤติและปฏิบัติในกรอบของคุณงามความดี  เพื่อชื่อเสียงของตนเอง  ของพ่อแม่  เพื่อหมู่บ้าน  กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์  กิจกรรมทางศาสนาเพื่อปลูกฝังให้เยาวชนเป็นคนดีมีระเบียบวินัยสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเองและครอบครัว  รวมทั้งชุมชน  ผู้นำในชุมชนนั้น  จำต้องปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีกับลูกหลาน

6.  ผู้สื่อข่าวนำเสนอข่าวที่สร้างสรรค์และให้ความรู้
โดยหน้าที่ของผู้สื่อข่าวคือ  การนำเสนอข่าวแทบจะทุกเรื่องต่อสาธารณชน  เพื่อผู้บริโภคจะได้ทราบความเคลื่อนไหวเหตุการณ์ของทุกพื้นที่ของโลก  ข่าวอาชญากรรม  ข่าวเศรษฐกิจ  ข่าวเหตุบ้านการเมือง  ข่าวบันเทิง  และข่าวมโนสาเร่ต่างๆ      บางข่าวจะมีผลทำให้วัยรุ่นนำเป็นเยี่ยงอย่าง  เช่น  เยาวชนบางคนที่แก้ปัญหาชีวิตของตนไม่ตก  หาที่พึ่งพาทางใจไม่ได้  ขาดที่ปรึกษา  เลยต้องทำร้ายตนเอง  กระโดดตึก  กินยาฆ่าแมลง  และวิธีการอื่นๆ  ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวที่สะเทือนใจและสะเทือนขวัญของสังคมโดยทั่วไป  วัยรุ่น  วัยคะนอง  วัยอยากลองรัก  เกิดความไม่สมหวังในรัก  ก็เอาตัวอย่างจากข่าวที่เคยลงในหนังสือพิมพ์  จากโทรทัศน์เป็นแบบอย่าง  ดังนั้นบางครั้งการเสนอข่าวในแง่ที่จะเป็นตัวอย่างก็ควรลดน้อยลง
            นักเรียน  นักศึกษาหลายคน  เคยเห็นตัวอย่างในข่าวจากที่ต่างๆ  ก็ปฏิบัติตาม  โดยแท้จริงแล้วการนำเสนอข่าวในทางสร้างสรรค์  การเสนอแนะในเชิงให้ความรู้หรือแทนที่นำเสนอข่าวด้านลบอย่างเดียว  ข่าวที่เป็นการให้ความรู้  การแก้ปัญหาวัยรุ่น  วัยเรียน  สื่อด้านต่างๆ  ก็ควรบรรจุเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ด้วย
ความรักอันหอมหวานของเด็กวัยรุ่น    วัยเรียน  เป็นเรื่องที่เสี่ยงพอสมควร  แต่ทุกคนก็อยากจะลอง  เมื่อเข้าไปสัมผัสแล้วก็ลืมเรื่องเรียน  การมอบความรัก การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  ความรักเดียวใจเดียว  รักรอและรอรักได้  เมื่อจบการศึกษามีการมีงานทำเป็นหลักแหล่ง  มีรายได้เป็นของตนเอง  เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน และให้ความหวังไว้ต่อกันและกัน  ประสบความสำเร็จในชีวิตของความรัก  แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา  ก็หลายคู่ถือเป็นตัวอย่างที่ดี

บทสรุป
ความรักในวัยเรียนเป็นความรักที่หวานชื่น  ถ้าขาดซึ่งความจริงใจต่อกัน  ไม่สามารถถนอมน้ำใจกันอย่างตลอด  การชิงสุขก่อนห่าม  ผลที่ตามมาคือ  ความรักเปรียบเสมือนยาขม  การเสริมสร้างพลังให้กับครอบครัว  ให้ความเข้มแข็ง  พ่อแม่มีส่วนทำให้ครอบครัวเข้มแข็งหรืออ่อนแอได้  ครูอาจารย์ในสถานศึกษามีส่วนอบรมหรือสั่งสอนได้มาก  เนื่องจากนักเรียนนักศึกษามีเวลาอยู่กับครูอาจารย์ที่สถานศึกษาอย่างน้อย  8  ชั่วโมง  นอกจากนั้นผู้บริหารสถานศึกษา  ผู้นำชุมชน  ผู้สื่อข่าวและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง  ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมในการดูแลและอบรมให้      เยาวชนของชาติเป็นคนดีของสังคม  สอนให้มีความรู้ดี  รู้ชอบ  รู้เหตุรู้ผล  รู้วิธีการแก้ปัญหาในชีวิตของตนเอง  เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือแห่งอบายมุข  ถ้าผู้มีหน้าที่ดังกล่าวช่วยกันดูแลลูกหลานและปฏิบัติตามแนวทางเหตุการณ์ที่บอกว่า  ความรัก..ที่อาจจะเป็นปัญหาในวัยเรียน...คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
            1.การทำเค้าโครงของโครงงาน
            2.การเขียนบท
            3.การเขียนสตอรี่บอร์ด (Storyboard)

            4.มุมกล้องต่างๆ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รักกรุ้มกลิ่ม


20 เรื่องที่ควรจะรู้ไว้เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์

1. วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นระลึกถึงนักบุญเซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้รับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เพราะในยุคนั้นมีกฏหมายห้ามไม่ให้มีแต่งงานของพวกคริสเตียน แต่เซนต์วาเลนไทน์ยังแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและ รับโทษ โดยในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอดซึ่งเป็นลูกสาวของผู้คุม ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ แต่เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์ เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศรีษะ ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจและยึดถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันแห่งความรัก นั่นเอง
2. คนที่ฟ้าส่งมาให้รักเรามากที่สุดคือ พ่อแม่ เป็นรักไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีเงื่อนไข เพราะต่อให้เราอ้วน น่าเกลียด พิการ ทำตัวงี่เง่ายังไง พ่อแม่ก็ยังรักและพร้อมจะเสียสละเพื่อเราเสมอ ดังนั้นในวันวาเลนไทน์ จึงอยากใหคุณๆ ทำดีต่อคุณพ่อคุณแม่ให้มากๆ นะคะ
3. คนที่ไม่มีแฟนไม่ใช่คนอาภัพน่าสงสารในวันวาเลนไทน์ เพราะคนโสดก็มีความรักได้ และคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือคนที่ไม่มีความรักในหัวใจต่างหากล่ะ อีกอย่าง...คนที่มีแฟน แต่แฟนห่วยแตก ชีวิตเหมือนถูกขังให้ทรมานไปวันๆ น่าสงสารกว่าคนโสดเป็นไหนๆ
4. จากการสำรวจพบว่าในวัยเรียน เด็กคอซอง คนที่ให้ของขวัญบอกรักกันมากที่สุดในวันวาเลนไทน์ ไม่ใช่ คู่รัก แต่เป็น เพื่อน ดังนั้นอย่าเครียดไปเลยที่แม้ว่าจะยังไม่มีแฟนมาควงแขนอวดใครในวันวาเลนไทน์ เพราะถึงยังไง เราก็ยังมีเพื่อนมากมายที่มอบความรักต่อกันได้อยู่นะ
5. กุหลาบราคาแพงไม่ได้แสดงว่าเค้ารักเรามากจริงๆ ดังนั้นอย่าไปเชื่อคำพูดของใครว่า รักเรามาก เพียงเพราะเค้าให้ดอกกุหลาบราคาแพงหูฉี่ เรื่องแบบนี้อยู่ที่ใจล้วนๆ
6. ครูที่ปรึกษาหลายท่านร้องไห้ด้วยความทราบซึ้ง เมื่อลูกศิษย์ประจำห้องมอบดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์ให้ท่านคนละดอก ลองวางแผนเซอร์ไพร้ส์ครูดูไหมล่ะ ให้เพื่อนๆ เอาดอกไม้ไปไหว้ครูพร้อมๆ กัน ได้เห็นครูน้ำตาร่วงเพราะซึ้งใจชัวร์ดิ
7. เมื่อเธอมองรอบตัว จะพบสิ่งมีชีวป็นผู้ให้ความรักแก่พวกเขา มีเมตตาแก่พวกเขาดู แล้วเธอจะเต็มอิ่มไปด้วยรักในหัวใจ
8. คนที่ได้ดอกกุหลาบมากที่สุด ไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นจะมีความรักที่น่าอิจฉาที่สุด ตรงกันข้าม คนที่ไม่ได้ของขวัญวาเลนไทน์ซักชิ้น อาจจะมีรักที่น่าอิจฉาที่สุดเลยก็เป็นได้
9. ของขวัญวาเลนไทน์ที่มีค่าที่สุด อาจลงทุนน้อยที่สุด เช่น การ์ดที่ตั้งใจทำกับมือ ดาวกระดาษที่พับมาเป็นเดือนๆ หรือของราคาถูกแต่ตั้งใจหาซื้อมาด้วยใจ เพราะฉะนั้น อย่าตีค่าความรักของใครด้วยราคาของขวัญที่เค้าให้ เราดูที่การกระทำดีกว่านะ ก็มีค่ายิ่งใหญ่สุดๆ แล้ว
10. เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก กลับเป็นเดือนที่มีวันน้อยที่สุดของปี บอกให้เรารู้ว่า ความรักจะสั้นหรือยาวไม่ได้อยู่ที่วันเวลาที่คบกันมา แต่อยู่ที่การทำทุกนาทีให้มีค่าร่วมกันนะจ๊ะ
11. วันวาเลนไทน์ไม่ใช่วันเสียตัวแห่งชาติ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะกลายเป็นแฟชั่นแปลกๆ ไปแล้วว่าวาเลนไทน์โรงแรมม่านรูดจะต้องเต็ม! ไม่เวิร์คเลย เพราะที่สุดแล้ว คนที่จะต้องมานั่งเสียใจในภายหลังก็คือเราคนเดียวเท่านั้น การมีอะไรกันไม่ได้บ่งบอกว่ารักกันเสมอไป ควรมีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
12. วันวาเลนไทน์ แม้จะตื่นเต้นยังไง ก็ยังต้องเรียนหนังสือ ไม่ใช่เอาแต่เหม่อมองรอคอยใครมาให้ดอกไม้ หรือร่าเริงโดดเรียนไปเที่ยวซะงั้น บางคนพอถึง วันวาเลนไทน์ สติแตก เอาแต่วางแผนว่าจะเซอร์ไพร้ส์แฟนยังไง ทำอะไรบ้าง สรุป วันนี้สอบตกเพราะไร้สติโดยสิ้นเชิงล่ะ
13. คนโสดก็มีวาเลนไทน์ที่อบอุ่นได้แค่เพียงรักตัวเอง ขอให้จำไว้เลยว่า แค่เพียงเราใช้วันวาเลนไทน์เป็นวันที่เราดูแลสุขภาพร่างกาย มอบความรัดให้ตัวเอง เราก็จะเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดได้อยู่แล้ว
14. อย่าเสียเงินไปซื้อดอกไม้หรือตุ๊กตามาเดินถือ เพียงเพราะกลัวขายหน้าที่ยังไม่มีใครให้ของขวัญวาเลนไทน์ มันเป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ เพราะการเดินมือเปล่าในวันวาเลนไทน์ไม่ใช่เรื่องน่าอายซักกะหน่อย ถ้ารวยนักละก็ เอาเงินไปบริจาคให้เด็กยากจนดีกว่านะ
15. ถ้าอยากให้ของขวัญวาเลนไทน์ที่อยู่นานๆ ต้นไม้ในกระถางก็น่ารักดี ดีกว่าดอกไม้ราคาแพงหูฉี่ แต่สามวันเน่า ลองไปหาซื้อไม้ใบ ไม้ดอกสวยๆ เอามามอบให้กัน ราคาถูกกว่า แถมอยู่ได้นานกว่าด้วย อีกอย่างมันก็มีความหมายเป็นนัยๆ ว่า รักของเราจะมั่นคงยาวนาน เหมือนต้นไม้ที่เติบโตและไม่เหี่ยวเฉาง่ายๆ ถ้าได้รับการดูแลอย่างดีนะจ๊ะ
16. ผู้ชาย 55 เปอร์เซ็นต์มองว่าการให้ดอกไม้วาเลนไทน์เป็นเรื่องไร้สาระ บางคนถือว่าการให้ดอกไม้ผู้หญิงเป็นพวกเชยระเบิด ถ้าจะต้องทำเซอร์ไพร้ส์ให้เราวันวาเลนไทน์ เพราะความรักของเค้าอาจจะไม่ได้โฟกัสที่ตรงจุดนั้น
17. สิ่งที่จะทำให้ผู้ชายซึ้งใจและรักเรามากคือความเข้าใจ ไม่ใช่ของขวัญวาเลนไทน์ราคาแพง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องอดข้าว อดน้ำเพื่อซื้อของราคาแพงเกินตัวให้เค้า ถ้าเค้ารักเราจริง เค้าคงไม่สบายใจที่เห็นเราต้องทรมานตัวเองแบบนั้นหรอกนะ ความเข้าใจในตัวของเค้าและอยู่กับเค้าโดยสร้างความสุขให้กันได้ทุกวัน สำคัญสุดแล้ว
18. โลกของเราก็อยากได้ของขวัญวาเลนไทน์จากเธอ ลองหันมารักโลก ทำสิ่งดีๆ ให้โลกกันดูไหม เช่น ปลูกต้นไม้ สัญญากับตัวเองว่าจะลดการใช้ถุงพลาสติก ประหยัดไฟ ประหนัดน้ำ ฯลฯ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
19. ความสำคัญของการมีแฟนไม่ได้อยู่ที่มีคนเดินด้วยในวันวาเลนไทน์เท่านั้น ฉะนั้นอย่าคิดโง่ๆ แค่ว่า อยากมีแฟนเพราะจะได้มีคนมาเดินข้างๆ ในวันวาเลนไทน์ จนต้องรีบควานหาเอาใครก็ได้มาเคียงคู่ เพียงเพราะว้อนท์อยากมีแฟนใจจะขาด แบบนั้นเธอเสี่ยงจะเจอรักคุดหรือรักสุดอะเฟดได้
20. เราสามารถมีวันวาเลนไทน์ได้ทุกวัน แค่เพียงทำทุกวันให้เป็นวันแห่งความรัก ดูแลกันและกันทุกวัน ใส่ใจกันทุกวัน แล้วเธอก็จะพบว่า ไม่ว่าวันไหน โลกก็เป็นสีชมพูได้ แค่เพียงยังมีกันและกันอยู่เสมอ
ที่มา : http://campus.sanook.com/

ประวัติวันวาเลนไทน์ (Valentine's Day)

        เทศกาลวาเลนไทน์ (Valentine's Dayเริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

       ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง
         และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนาดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระหว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็นความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine" 

        วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมาย ของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส
         ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลวันแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
         วันวาเลนไทน์ หรือ Valentine's Day ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรักที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความ เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่ เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่ง บัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อแสดงถึงความ ก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการแสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
         ประวัติวันวาเลนไทน์ นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์ เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน...
ที่มา ; http://campus.sanook.com/

ความเสื่อมจากความรักในวัยเรียน

         เริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์ ก็จะเริ่มเขียนเรื่องในลักษณะนี้อีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้เป็นการรีวิวแต่เป็นการเขียนในหลายๆแง่มุม เป็นการเขียนครั้งที่ 4 แล้ว เนื่องจากต้องการให้วัยรุ่นนั้นได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากความรักในวัยเรียน ซึ่งอาจเรียกได้ว่า “ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่ใช่เรื่องเหมาะ”
          การแสดงความรักในวัยเรียนนั้นหลายคนในปัจจุบันอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่อีกหลายคนเหมือนกันมองว่ามันถึงเวลาแล้วหรือ ที่จะมาแสดงความรักในวัยเรียน ในยุคนี้เป็นยุคเทคโนโลยี แน่นอนว่าถ้าหากเกิดมีการถ่ายรูปตอนที่กำลังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แล้วถูกนำมาเผยแพร่ลงในSocial Networkเป็นที่แน่นอนว่า ก็คงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง อาจจะมองว่าคิดดีแล้วเหรอที่ทำอะไรแบบนี้ เป็นต้น
          ประเด็นสำคัญคือ เมื่อเกิดขึ้นในวัยที่กำลังเรียนหนังสือกันอยู่นั้น แล้วถ้าเกิดพลั้งพลาดขึ้นมา จะเสียอนาคตเลยไหม ในอดีตก็คงเป็นอย่างที่ผมเขียนข้างต้น แต่ในปัจจุบัน กฎหมายได้เปิดกว้างทางการศึกษา เด็กผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ในช่วงวัยเรียนอาจจะคลอดบุตรและดูแลเรียบร้อยในระดับหนึ่งแล้วจึงกลับมาศึกษาต่อ ทั้งในระบบและนอกระบบ หรือไม่ก็เด็กผู้ชายผู้เป็นพ่อของเด็กในครรภ์ อาจจะเรียนหนังสือไปด้วย ทำงานเลี้ยงครอบครัวไปด้วยก็ได้ แต่ถ้าหากถามว่า การที่จะทำอะไรผิดพลาดไปแล้วจะกลับมาแก้ไขในลักษณะดังกล่าว มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะกระทำเเบบนี้ มันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปกับเรื่องพวกนี้ บางคนอาจจะ 1-3 ปี แต่อีกหลายคนอาจจะไม่มีเวลาเหลือพอที่จะหันหลังกลับมาในที่นีได้
          สิ่งหนึ่งที่น่าเตือนใจคือ เมื่อมีแฟนแล้วต้องให้เงิน เดือดร้อนพ่อแม่ตนเอง บางทีโทรศัพท์ไปขอเงินในระหว่างเรียน หรือไม่ก็โทรศัพท์ระหว่างเดินทางกลับบ้าน เป็นอะไรที่น่าเสียใจมาก ที่ลูกตัวเองทำแบบนี้ เอาเงินไปให้แฟนตัวเอง พ่อแม่ทุกคนหวังให้ลูกทุกคนคิดดี ทำดี มีประโยชน์ต่อสังคม แต่การที่กระทำแบบนี้ มันกลายเป็นว่า เป็นสิ่งที่เห็นแฟนดีกว่าพ่อแม่ของตน สะท้อนให้เห็นว่าครอบครัวเริ่มห่างจากตนอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ
          การติดต่อสื่อสารกันในเวลาเรียน เนื่องจากเป็นยุคเทคโนโลยี ดังนั้นจึงใช้ทั้งBlackBerry Iphone Ipad มาใช้ในการสื่อสารติดต่อกันคุยกับแฟน ถึงว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีที่ผิดประเภทแล้วไม่พอ ผิดเวลาและสถานที่อย่างรุนแรงด้วย ที่สำคัญสิ่งเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะสูญหายไปได้ง่ายๆ หากนำมาใช้ในสถานที่ที่มีคนอยู่กันเป็นจำนวนมากๆ การนำมาใช้เวลาเรียนเพื่อติดต่อคุยกับแฟน จะแสดงขึ้นมาให้เห็นต่อหน้าหรือคุยกันใต้โต๊ะเรียน เป็นการเสียมารยาทต่อเพื่อนในห้องและอาจารย์ผู้สอนอย่างมากๆ จึงไม่อยากให้วัยนี้ทำตาม เพราะเป็นอะไรที่มันเสียหายมากทั้งตนเองและวงศ์ตระกูล
สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนตระหนักไว้ว่า “เวลาเรียนหนังสือก็ควรพึงเรียนหนังสือ เวลาทำงานก็ควรพึงทำงาน เวลาใดทำอะไรก็ควรพึงจะทำสิ่งนั้น จะหาแฟนสักคนก็ต้องให้ตนนั้นตั้งตัวเองให้ได้ก่อน จึงจะไปเลี้ยงแฟนของตนได้ ไม่งั้นเรือก็ต้องล่มไปในที่สุด” วันนี้สวัสดี
ที่มา : https://non9279.wordpress.com

แนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหา

1. ตัวเด็ก  

          ผู้ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับเด็กในเรื่องความรักความสัมพันธ์ตลอดจนปัญหาที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เพื่อให้เด็กได้ตระหนักในปัญหาต่าง ๆ มากขึ้น   ให้เด็กได้มีทักษะชีวิตที่สำคัญจำเป็นต่าง ๆ เพื่อให้เด็กสามารถยับยั้งปัญหาที่กำลังจะเกิดได้อย่างปลอดภัย และเมื่อเกิดปัญหาแล้วให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาจะทำให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพ/ความสามารถของตนในการดำเนินชีวิตต่อไป

2. ครอบครัว

          ให้ครอบครัวได้เข้าใจและตระหนักว่า ความรักความอบอุ่นที่เพียงพอและพอเพียงจะสามารถนำพาครอบครัวให้เข้าใจในปัญหาได้อย่างแท้จริงและความรัก ความอบอุ่นนี้จะนำพาให้ครอบครัวเรียนรู้ที่จะยอมรับกันอย่างปราศจากเงื่อนไข เพื่อที่จะได้ร่วมกันเผชิญกับปัญหาได้อย่างมั่นคง พร้อมที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆกัน ร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในครอบครัวของเราได้

3. สังคมและสิ่งแวดล้อม  

          ทั้งที่เป็นบุคคล สถาบัน ๆ ตลอดจนชุมชน สังคมในภาพกว้างต้องมีความรู้ความเข้าใจต่อธรรมชาติของวัย ธรรมชาติของปัญหา ความต้องการทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจของเด็กวัยนี้ เพื่อความเข้าใจต่อปัญหาสามารถเป็นแรงเสริมที่จะให้เด็กในวัยนี้สามารถผ่านพ้นวัยที่สำคัญนี้ไปได้ด้วยความเข้าใจในความรัก ตามความเป็นจริง รู้จักและเข้าใจคุณค่าของตนจากความรักพื้นฐานความรักที่แท้จริงของพ่อแม่และครอบครัวตลอดจนบุคคลรอบข้างที่รักและปรารถนาดีต่อเด็กและสังคมยังสามารถประคับประคองเยาวชนที่ผ่านพ้นปัญหามาให้มีกำลังใจที่จะยืนหยัดในสังคมต่อไปอย่างเห็นคุณค่าในตนเอง พร้อมจะต้อนรับตนเองให้มีที่ยืนในสังคมต่อไป

ประสบการณ์รักในวัยเรียน

          เรื่องมีอยู่ว่าตอนม.2เรามีแฟนเป็นผู้ชายชื่อ โดม(นามสมมุตินะคะ) เราคบหากับโดมมาจนเราขึ้นม.4แต่โดมย้ายออกจากโรงเรียนไปต่อสายอาชีพ เราก็โอเคนะชีวิตรักไปได้สวยแต่ผ่านไป2-3เดือน โดมเริ่มเปลี่ยนไปออกห่างเรามากขึ้น โทรไปไม่ค่อยรับ เปลี่ยนไปมากๆ เราก็สงสัยล่ะ เราเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ถึงค่อนข้างเยอะมากก็จะมีคนมาบอกตลอดว่าโดมแอบชอบผญอยู่คนนึงอยู่ห้องเดียวกันผญคนนั้นสวยมากเต้นโควเว่อเก่งมาก เราก็รู้สึกเสียใจมากถึงมากที่สุดเพราะเราติดต่อโดมไม่ได้เลย  จนมาติดต่อโดมได้ตอนที่เราโทรหาแม่ของโดมแม่ของโดมให้เราคุยกับโดม โดมเลยขอเลิกกับเราให้เหตุผลว่าเราไม่มีเวลาให้เราก็ตื้อเค้ามากถึงมากที่สุดจนเค้าให้โอกาสเรา เราก็เลยบอกว่าต่อไปนี้จะมีเวลาให้นะ คือเราเป็นลูกที่พอ่แม่หวงมากๆ ไม่ปล่อยเที่ยว คอยมารับไปส่ง รร ทุกวัน เราก็จะอ้างพ่อกับแม่เราว่าติดรายงานที่โรงเรียน ทำบอร์ดบ้าง ให้มารับ6โมงเย็นนะ เป็นประจำเพื่อไปยุวกับโดม โดมจะมารับรับเราหน้าโรงเรียนทุกๆครั้ง แล้วก็ไปบ้านของโดม เราไปบ้านของโดมได้2ครั้งค่ะ ครั้งแรกไป เราก็ไปนั่งเล่นกันแล้วก็นั่งถ่ายรูปกัน555 แต่สักพักโดมก็เริ่มเล้าโลมเราแต่เราไม่ให้ค่ะเราบอกว่าเรายังเด็กกันอยู่อย่าเลย โดมก็แบบเซ็งๆ แล้วก็ชวนเรากลับทันทีเลย หลังจากมาส่งเราที่โรงเรียน โดมก็เปลี่ยนไป เราก็เลยพยายามติดต่ออีกครั้งโดมบอกว่าถ้าอยากคบกันต่อก็ต้องให้กันถ้าไม่คิดจะให้ก็เลิกกันไปเรารักเค้ามากค่ะ เราเลยบอกโอเคร ให้ก็ได้ วันต่อมาโดมก็มารับเราที่โรงเรียนอีกนี่เป้นครั้งที่2ค่ะ เราก็ไปบ้านโดมเหมือนเดิม ครั้งนี้เราไม่ได้เล่นกันเหมือนเดิม พอมาถึงบ้านเข้าไปในห้องโดมก็เล้าโลมเราเลยจนมือโดมจะมาถอดเสื้อเราแล้ว อยู่ๆภาพพ่อแม่ก็ขึ้นมาเรารู้สึกผิดแล้วกัวไปหมด ต่างคนยังไม่เคยผ่านอะไรกันมาไม่เป็นทั้งคู่ อยู่ๆน้ำตาเราก็ไหลแล้วก็ยกมือไหว้โดมพูดแต่ว่าเราทำไม่ได้จริงๆ เราขอโทดไปส่งเราเถอะนะ ของร้องล่ะ คือตอนนั้นโดมก็กำลังมีอารมณ์ เราก็ได้แต่ร้องไห้โดมก็เลยลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปยืนดูดบุหรี่อยูหน้าบ้าน เราเดินตามออกมาโดมก็ค่อมรถแล้วก็ไม่พูดไม่จา เราก็เลยขึ้นซ้อน โดมก็ขี่รถไปส่งเราที่โรงเรียนขี่เร็วมากๆๆพอไปถึงโรงเรียนโดมก็ขี่กลับไปเร็วมากไม่พูดกับเราสักคำ พอเรากลับไปถึงบ้านเราได้แต่โทรหาโดม  ข้าวปลาไม่กินร้องไห้อย่างเดียว เราเอาแต่อยู่ในห้องร้องไห้อย่างเดียวจนคิดสั้นมากๆ เราเอามีดมาไว้บนหัวนอน เอายามาไว้ข้างตัว แต่แล้วแม่เราก็ให้พี่สไภ้มาคุยกับเรา พี่สไภ้ก็ปลอบเราทุกอย่าง เราก็ไม่ฟังเราอยากคุยอยากติดต่อกบโดมเท่านั้น แม่เราก็ไม่เข้ามาปลอบเราเลยได้แต่ร้องไห้ยุวหน้าห้อง แล้วแม่เราก็ตัดสินใจโทรไปหาแม่ของโดม คุยกับแม่ของโดมเล่าสถานะภาพของเราทุกอย่างแม่ของโดมก็เลยขอคุยกับเรา เราได้คุยกับแม่ แม่ก็ได้แต่บอกให้เรากินข้าว ดุแลตัวเอง อย่าปล่อยตัวเอง แล้วก็ให้เราทำใจ เราวางสายแล้วร้องไห้โฮเลย ไม่อยากไปเรียน เราไม่ไปเรียน2อาทิตย์เต็มๆจนเพื่อนมาหาที่บ้าน เรารู้สึกมีเรี่ยวแรงที่จะไป พอเราไปได้คุยกับพื่อนคนๆนึง เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนที่เพิ่งจะมาสนิทแต่ให้ข้อคิดเราได้ดีมาก เราเอาเรื่องของเราทุกอย่างเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนเราบอกเราว่า คิดว่าให้เค้าไปแล้วเค้าจะหยุดที่เราคนๆเดียวหรอ? อายุยังแค่นี้ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาในชีวิตแล้วหรอ ดูแลตัวเอง เชิดๆเข้าไว้ หลังจากนั้นก็โอเครค่ะ อยู่กับเพื่อน เปิดใจคุยกับคนที่เข้ามา ก็รู้สึกว่าดีขึ้นมากเลยค่ะ  หลังจากนั้นเราก็ได้มารู้จักรุ่นน้องอยู่ม.1เป็นทอม ตัวเล็กขาวๆ น่ารักมากค่ะ ใจเราตอนนั้นไม่ได้อยากจะคบเลย เราแค่อยากทำให้น้องเค้าเป็นผู้หญิงให้ได้ เราก็เลยคุยกัน ระหว่างที่คุยกันน้องเค้าดีกับเรามากๆเลยค่ะ ดูแลทุกอย่าง อาหารการกินน้องเค้าเทคแคร์เราทุกอย่าง จนมาวันนึงเราตัดสินใจคบกับน้องเค้าค่ะ แต่แล้วแฟนเก่าก็กลับมา กลับมาขอคืนดี กลับมาทำตัวแสดงความเป็นเจ้าของ ทุกอย่าง เราก็เริ่มอ่อนไหว เราก็แอบกลับไปคบกับเค้าค่ะทำให้น้องเค้าเสียใจมากแต่น้องเค้าเลือกที่จะรอค่ะ เวลาไปไหนกับแฟนเก่าน้องขอตามติดไปด้วยค่ะ แล้วพอเห็นแฟนเก่าหอมแก้มเราน้องเค้าก็นั่งร้องไห้ทุกครั้งเราก็จะให้เพื่อนไปปลอบใจ ส่วนเราก็นั่งมีความสุขกับรักครั้งเก่าไป จนกลับบ้าน น้องก็นอนกับเราที่บ้านค่ะ วนเวียนไปอย่างนี้ จนเราตกหลุมรักน้องเค้ามากๆค่ะ เพราะน้องเค้ายอมทุกอย่างจริงๆ แต่เราก็แอบคุยกับแฟนเก่าบ้าง โดยที่ไม่ให้น้องรู้ แต่ก็จับได้ตลอด แฟนเก่าเราก็ไม่ยอม จนมาถึงวันที่เราต้องเลือกใครสักคน เราบอกแฟนเก่าเราเลือกแฟนเก่าค่ะ แต่วันที่ต้องเลื่อกนี่สิ พ่อของน้องเสียชีวิต เรากำลังโทรไปหาน้องจะบอกว่าเราเลือกแฟนเก่าแต่พอน้องพูดแบบนี้มาใจเราหายวาบ น้องร้องไห้กับเรา จนเราทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆทิ้งไม่ได้จริงๆเราเลยโทรหาแฟนเก่าบอกขอเวลา หลังจากนั้นเราก็อยู่ข้างๆน้องตลอด ช่วยงานศพ คอยดูแลน้องตลอด น้องเสียใจมากเพราะว่าน้องอยู่บ้าน2คนกับพ่อ พอพ่อเสียไปน้องอยู่ตัวคนเดียว คนเดียวจริงๆ แต่บ้านน้องค่อนข้างมีฐานะ น้องเลยไม่ลำบากอะไรมาก รวมถึงแม่จะคอยมาหาน้องทุกวันเสา-อาทิต แต่ช่วงเวลาจัน-ศุกน้องก็มานอนกับเรา ไปโรงเรียนพร้อมกัน เราเริ่มรักกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังแอบคุยกับแฟนเก่าเรื่อยมา แต่ไม่เคยไปหากัน แต่พอหลังจากคืนนึงเราดูหนังเรื่องตุ๊กตาผี18+ มันมีอะไรที่โป๊ยุว555 เราก็เลยมีอะไรกัน วันนั้น มันทำให้ทุกอย่าง เต็มอิ่มมากๆๆ หลังจากนั้นเราก็มีอะไรกันเรื่อยมาใช้ชีวิตดูแลกันอยู่ด้วยกันมีความสุขมากๆ แต่ครอบครัวเราจะไม่ยอมรับเลยเรื่องที่ครบผญด้วยกันแต่เราก็ตื้อสุดๆ พ่อกับแม่เราก็ยอมเพราะถ้าลูกรักใครพ่อกับแม่จะรักด้วย จนวันนึงเราเริ่มมาเล่นแคมฟ๊อคเราติดมาก เพราะในแคมฟ๊อคมีคนมาจีบมาติดตามเราเยอะมาก เราติดป๊อปติดไอดี4เทพตลอดเลย เราก็ชอบไล่น้องไปหาเพื่อนบ้างจ้างไปเล่นเกมที่ร้านเกมบ้าง เพื่อที่เราจะเล่นแคมฟ๊อคคุยกับคนอื่นมากมายที่ไม่รุ้จัก หลังจากนั้นเราก็เริ่มห่างกันไป พร้อมกับเรามีคนเข้ามาคุยมากมาย แต่น้องก็ยังคอยเป็นห่วงเรา ซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้เรา เราอยู่บ้านเฉยๆ น้องจ่ายค่าเนต ค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกๆอย่างน้องช่วยออกหมด น้องยุวแค่ม.1เองนะ ถือว่าเก่งมากๆเลยทีเดียว แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเพราะตัวเราเอง  เด๋วมาต่อนะคะว่าหลังจากนี้ชีวิตเรากับน้องจะเป้นยังไงต่อ
ที่มา : http://pantip.com/